• zdQ3GjYeDp
• 2024-06-24 03:06:46

ทั้งนี้ บริษัทมีฐานลูกค้าที่กระจายไปในหลากหลายอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ อาทิ อุตสาหกรรมการก่อสร้างของภาคเอกชนที่มีการชะลอตัวลง โดยเฉพาะในส่วนของรายกลาง และรายเล็ก ที่ชะลอการใช้สินค้าหรือการบริโภคลง เพราะต้องรักษาเสถียรภาพทางการเงินและดำเนินการด้วยความระมัดระวัง แต่การลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และโครงการขนาดใหญ่ที่มีการวางแผนมานานยังมีการลงทุนต่อ จึงมองว่าผลกระทบที่มีต่ออุตสาหกรรมเหล็กภาพรวมน่าจะไม่มากนักและเป็นแค่ระยะสั้น

อนึ่งวานนี้ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลพบว่านักวิเคราะห์จาก 11 บริษัทหลักทรัพย์มีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของ BGRIM โดยมีนักวิเคราะห์ 9 สำนัก แนะนำ “ซื้อ” 1 สำนักแนะนำ “ถือ” และ 1 สำนักแนะนำ “ขาย” โดยมีราคาเป้าหมายสูงสุดที่ระดับ 39บาท คิดเป็นราคาอัพไซด์ 57.25% ต่ำสุดที่ระดับ 23.90 บาท คิดเป็นราคาดาวน์ไซด์ 3.6% ราคากลาง (มัธยฐาน) ที่ระดับ 34.90 บาท หรือคิดเป็นราคาอัพไซด์ 40.72% ขณะที่ราคาเฉลี่ยที่ระดับ 32.30 บาท คิดเป็นราคาอัพไซด์ 30%

ด้านผลการดำเนินงานในรอบ 1H60 มีกำไรสุทธิ 24 ล้านบาท ลดลง 17% y-o-y อัตรากำไรสุทธิ (net margin) เป็น 3.2% ถือว่าไม่มาก กระแสเงินสดจาการดำเนินงานเป็น -18 ล้านบาท มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ 2.6 เท่า นับว่าสูง จึงอาจเป็นที่มาของการเพิ่มทุนจำนวนมาก ROE เป็น 10.2% ด้าน Trailing P/E และ P/BV อยู่ในเกณฑ์สูงมากเป็น 107.4 และ 9.4 เท่า ตามลำดับ ประการสำคัญคือ บริษัทจะต้องทำอัตราการเติบโตกำไรให้ได้สูงกว่า dilution effect จำนวนมากที่จะทยอยเกิดขึ้นจากการเพิ่มทุน

สำหรับภาพรวมผลประกอบการของบริษัท ยังคงมั่นใจว่าปีนี้จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 2,549.62 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 75.58 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตตามธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อทั้งในไทย และลาวที่บริษัทฯเข้าไปถือหุ้นอยู่ 60% ซึ่งบริษัทฯดังกล่าวมีกำไรสุทธิ 80 ล้านบาท/ปี นอกจากนี้ในธุรกิจโรงแรมเองก็ยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้บริษัทเปิดตัวโรงแรมใหม่ 2 แห่ง ทำให้มีโรงแรมรวมทั้งหมดเป็น 8 แห่ง ซึ่งมีอัตราการเข้าพักที่ค่อนข้างดี